แนวข้อสอบ
พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙
1. พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535
ก. 1 เมษายน พ.ศ. 2535 ค. 3 เมษายน พ.ศ. 2535
ข. 2 เมษายน พ.ศ. 2535 ง. 4 เมษายน พ.ศ. 2535
ตอบ ข.2 เมษายน พ.ศ. 2535
2. “ทางหลวง” หมายความว่า
ก. ทางหรือถนนซึ่งจัดไว้เพื่อประโยชน์ในการจราจรสาธารณะทางบกไม่ว่าในระดับพื้นดิน ใต้หรือเหนือพื้นดิน
ข. สิ่งอื่นอันเป็นอุปกรณ์งานทางบรรดาที่มีอยู่หรือที่ได้จัดไว้ในเขตทางหลวงเพื่อประโยชน์แก่งานทางหรือผู้ใช้ทางหลวงด้วย
ค. กิจการใดที่ทำเพื่อหรือเนื่องในการสำรวจการก่อสร้างการขยาย การบูรณะ หรือการบำรุงรักษาทางหลวง หรือการจราจรบนทางหลวง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
3. ส่วนหนึ่งของทางหลวงที่ทำหรือจัดไว้เพื่อการจราจรของยานพาหนะ เรียกว่า
ก. ทางขนาน ค. ทางจราจร
ข. ไหล่ทาง ง. ทางเท้า
ตอบ ค. ทางจราจร
4. ส่วนหนึ่งของทางหลวงที่อยู่ติดต่อกับทางจราจรทั้งสองข้าง เรียกว่า
ก. ทางขนาน ค. ทางจราจร
ข. ไหล่ทาง ง. ทางเท้า
ตอบ ข.ไหล่ทาง
5. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง.ถูกทั้ง ก และ ข
6. พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 4 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 75 มาตรา ค. 5 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 75 มาตรา
ข. 4 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 76 มาตรา ง. 5 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 76 มาตรา
ตอบ ก.4 หมวด 1 บทเฉพาะกาล 75 มาตรา
7. ทางหลวงมีกี่ประเภท
ก. 3 ประเภท ค. 5 ประเภท
ข. 4 ประเภท ง. 6 ประเภท
ตอบ ค. 5 ประเภท
8. ข้อใดไม่ใช่ประเภทของทางหลวง
ก. ทางหลวงแผ่นดิน ค.ทางหลวงพิเศษ
ข. ทางหลวงประเทศ ง. ทางหลวงชนบท
มาตรา ๖ ทางหลวงมี ๕ ประเภท คือ
(๑) ทางหลวงพิเศษ
(๒) ทางหลวงแผ่นดิน
(๓) ทางหลวงชนบท
(๔) ทางหลวงท้องถิ่น
(๕) ทางหลวงสัมปทาน
9. ทางหลวงที่จัดหรือทำไว้เพื่อให้การจราจรผ่านได้ตลอดรวดเร็วเป็นพิเศษ คือทางหลวงประเภทใด
ก. ทางหลวงพิเศษ ค. ทางหลวงสัมปทาน
ข. ทางหลวงแผ่นดิน ง. ทางหลวงชนบท
ตอบ ก.ทางหลวงพิเศษ
10. ทางหลวงสายหลักที่เป็นโครงข่ายเชื่อมระหว่างภาค จังหวัด อำเภอ ตลอดจนสถานที่ที่สำคัญ คือทางหลวงประเภทใด
ก. ทางหลวงพิเศษ ค. ทางหลวงสัมปทาน
ข. ทางหลวงแผ่นดิน ง. ทางหลวงชนบท
ตอบ ข.ทางหลวงแผ่นดิน
11. ทางหลวงที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษา และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงท้องถิ่น คือทางหลวงประเภทใด
ก. ทางหลวงพิเศษ ค. ทางหลวงสัมปทาน
ข. ทางหลวงท้องถิ่น ง. ทางหลวงชนบท
ตอบ ข.ทางหลวงท้องถิ่น
12. ทางหลวงที่กรมทางหลวงชนบทเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษา และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงชนบท
คือทางหลวงประเภทใด
ก. ทางหลวงพิเศษ ค. ทางหลวงสัมปทาน
ข. ทางหลวงท้องถิ่น ง. ทางหลวงชนบท
ตอบ ง. ทางหลวงชนบท
13. ใครเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนทางหลวงท้องถิ่น ไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด
ก. นายอำเภอ ค. อธิบดีกรมทางหลวง
ข. ผู้ว่าราชการจังหวัด ง. อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
ตอบ ข.ผู้ว่าราชการจังหวัด
14. ทางหลวงประเภทใดที่อธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวง
ก. ทางหลวงพิเศษ ค. ทางหลวงสัมปทาน
ข. ทางหลวงแผ่นดิน ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๓ ทางหลวงประเภทต่างๆ ให้ลงทะเบียนไว้ ดังต่อไปนี้
(๑) ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงสัมปทาน อธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวง
(๒) ทางหลวงชนบท อธิบดีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวงชนบท
(๓) ทางหลวงท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด
15. ในกรณีที่รัฐมนตรียังไม่ได้แต่งตั้งผู้อำนวยการทางหลวงบุคคลใดเป็นผู้อำนวยการทางหลวง
ก. อธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงสัมปทาน
ข. อธิบดีกรมทางหลวงชนบทเป็นผู้อำนวยการทางหลวงชนบท
ค. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเมืองพัทยา หรือผู้บริหารสูงสุดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นผู้อำนวยการทางหลวงท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
16. ใครเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในกรณีที่มีปัญหาว่าทางหลวงสายใดเป็นทางหลวงประเภทใด
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง.ถูกทั้ง ก และ ข
17. ใครเป็นผู้ทำหน้าที่กำกับ ตรวจตราและควบคุมทางหลวงและงานทางที่เกี่ยวกับทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ค. อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
ข. อธิบดีกรมทางหลวง ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ตอบ ข.อธิบดีกรมทางหลวง
18. ใครเป็นผู้ทำหน้าที่กำกับ ตรวจตราและควบคุมทางหลวงและงานทางที่เกี่ยวกับทางหลวงชนบท
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ค. อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
ข. อธิบดีกรมทางหลวง ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ตอบ ค. อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
19. ใครเป็นผู้ทำหน้าที่กำกับตรวจตราและควบคุมทางหลวงและงานทางที่เกี่ยวกับทางหลวงท้องถิ่น
ก. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ค. นายกเทศมนตรี
ข. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
20. ข้อใดคืออำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานทางหลวง
ก. ตรวจตราดูแลมิให้มีการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้
ข. เรียกยานพาหนะให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบในกรณีที่เชื่อว่ามีการกระทำอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
ค. จับกุมผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ในขณะกระทำความผิดเพื่อส่งให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจดำเนินคดีต่อไป
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
21. ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่งานทาง ให้ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจอย่างไร
ก. ใช้ที่ดินริมทางหลวงซึ่งปราศจากสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลใดเป็นการชั่วคราว
ข. ใช้ที่ดินริมทางหลวงซึ่งปราศจากสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลใดเป็นการถาวร
ค. ใช้และเข้าครอบครองวัตถุสำหรับใช้งานทางซึ่งอยู่ในที่ดินของบุคคลใดเป็นการชั่วคราว รวมทั้งทำทางผ่านเข้าไปในที่ดินใดๆ เพื่อใช้และเข้าครอบครองวัตถุสำหรับใช้งานทางได้ด้วย
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก และ ค
ตอบ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก และ ค
22. เพื่อประโยชน์แก่งานทาง ให้ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวง มีอำนาจทำหรือแก้ทางระบายน้ำที่ไหลผ่านทางหลวง หรือทำหรือแก้ทางระบายน้ำออกจากทางหลวงเพื่อไปสู่แหล่งน้ำสาธารณะที่ใกล้เคียงตามความจำเป็นได้ อยู่ในมาตราใดของพระราชบัญญัตินี้
ก. มาตรา 30 ค. มาตรา 32
ข. มาตรา 31 ง. มาตรา 33
ตอบ ค. มาตรา 32
23. ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจทำงานทางเพื่อเชื่อม ผ่าน ทับ ข้าม หรือลอดทางรถไฟหรือทางน้ำได้แต่ต้องแจ้งเป็นหนังสือพร้อมทั้งส่งสำเนาแบบก่อสร้างให้ผู้ควบคุมการรถไฟ หรือทางน้ำนั้นทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่ากี่วัน
ก. 30 วัน ค. 20 วัน
ข. 45 วัน ง. 60 วัน
ตอบ ก.30 วัน
24. ห้ามมิให้ผู้ใดสร้างทาง ถนน หรือสิ่งอื่นใดในเขตทางหลวงเพื่อเป็นทางเข้าออกทางหลวง อยู่ในมาตราใดของพระราชบัญญัตินี้
ก. มาตรา 37 ค. มาตรา 39
ข. มาตรา 38 ง. มาตรา 40
ตอบ ก.มาตรา 37
25. ข้อใดคือสิ่งที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดทำการเกี่ยวกับทางหลวง เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวง
ก. ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวน วางหรือกองสิ่งใดในเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทางหลวง
ข. ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการปิดกั้นทางหลวง หรือวางวัตถุที่แหลมหรือมีคม หรือนำสิ่งใดมาขวางหรือวางบนทางหลวง หรือกระทำด้วยประการใดๆ บนทางหลวงในลักษณะที่อาจเกิดอันตรายหรือเสียหายแก่ยานพาหนะหรือบุคคล
ค. ห้ามมิให้ผู้ใดระบายน้ำลงในเขตทางหลวงอันอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวง
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๔๐ ห้ามมิให้ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เปลี่ยนแปลง ขีดเขียน เคลื่อนย้าย รื้อถอน หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเครื่องหมายจราจร ป้ายจราจร เครื่องหมายสัญญาณ เครื่องหมายสัญญาณไฟฟ้า เครื่องแสดงสัญญาณ อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย รั้ว หลักสำรวจ หลักเขต หรือหลักระยะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ติดตั้งหรือทำให้ปรากฏในเขตทางหลวง
26. ผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจห้ามมิให้ผู้ใดหยุด จอด หรือกลับยานพาหนะใดๆ บนทางจราจรหรือไหล่ทางในทางหลวงสายใดทั้งสายหรือบางส่วนได้ โดยทำเป็น
ก. ประกาศ ค. คำสั่ง
ข. เครื่องหมาย ง. ถูกเฉพาะข้อ ก และ ข
ตอบ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก และ ข
27. ในกรณียานพาหนะใดๆ เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์เกิดขัดข้องหรือชำรุดบนทางจราจรจนไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ ผู้ใช้ยานพาหนะต้องทำอย่างไร
ก. นำยานพาหนะเข้าจอดบนไหล่ทาง
ข. จอดชิดซ้ายสุดในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจร
ค. นำยานพาหนะนั้นออกไปให้พ้นทางจราจรหรือไหล่ทางโดยเร็วที่สุด
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
28. ถ้าจำเป็นต้องหยุดหรือจอดยานพาหนะอยู่บนทางจราจรหรือไหล่ทางผู้ใช้ยานพาหนะต้องแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณใดๆ ให้เพียงพอที่ผู้ใช้ยานพาหนะอื่นจะมองเห็นยานพาหนะที่หยุดหรือจอดอยู่ได้โดยชัดแจ้งในระยะไม่น้อยกว่ากี่เมตร
ก. 100 เมตร ค. 200 เมตร
ข. 150 เมตร ง. 90 เมตร
ตอบ ข.150 เมตร
29. ใครมีอำนาจปิดทางหลวงหรือทางอื่นใดที่มีอยู่เดิมที่ทางหลวงพิเศษตัดผ่าน
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ค. อธิบดีกรมทางหลวง
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ง. อธิบดีกรมทางหลวงชนบท
ตอบ ค. อธิบดีกรมทางหลวง
30. ใครเป็นผู้มีอำนาจประกาศห้ามยานพาหนะบางชนิดหรือคนเดินเท้าใช้ทางหลวงพิเศษสายใดทั้งสายหรือบางส่วน
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ค. อธิบดีกรมทางหลวง
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ง. ผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ
ตอบ ง. ผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ
31. ผู้ใดมีความจำเป็นต้องสร้างหรือกระทำการใดๆ ผ่านเข้าไปในเขตทางหลวงพิเศษจะต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากใคร
ก. อธิบดีกรมทางหลวง
ข. ผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ
ค. ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงพิเศษ
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
ตอบ ง.ถูกทั้ง ข และ ค
32. ห้ามมิให้ผู้ใดกีดกั้นหรือเปลี่ยนแปลงทางน้ำที่ติดต่อกับเขตทางหลวงหรือทางน้ำที่ไหลผ่านทางหลวงในเขตที่ดินภายในระยะเท่าใดจากแนวกลางทางหลวง
ก. 500 เมตร ค. 300 เมตร
ข. 400 เมตร ง. 200 เมตร
ตอบ ก.500 เมตร
33. ใครมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาห้ามใช้ยานพาหนะบนทางหลวงโดยที่ยานพาหนะนั้นมีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุกหรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่กำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหาย
ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด ค. อธิบดีกรมทางหลวง
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ง. ผู้อำนวยการทางหลวง
มาตรา ๖๑ เพื่อรักษาทางหลวง ผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาห้ามใช้ยานพาหนะบนทางหลวงโดยที่ยานพาหนะนั้นมีน้ำหนัก น้ำหนักบรรทุกหรือน้ำหนักลงเพลาเกินกว่าที่กำหนด หรือโดยที่ยานพาหนะนั้นอาจทำให้ทางหลวงเสียหาย
ประกาศของผู้อำนวยการทางหลวงตามวรรคหนึ่งต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมทางหลวงสำหรับทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงสัมปทาน หรือได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมทางหลวงชนบท สำหรับทางหลวงชนบท หรือได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสำหรับทางหลวงท้องถิ่น
34. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. ทางหลวงประเภทใดยังไม่มีเขตทางปรากฏแน่ชัดหรือไม่ได้ขนาดมาตรฐานที่กำหนดไว้ให้รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดเขตทางหลวง และกำหนดเขตสงวนสองข้างทางไว้เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงได้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. ผู้ใดประสงค์จะปลูกสร้างสิ่งใดบนทางหลวงที่ยังไม่มีเขตทางปรากฏแน่ชัดให้ขออนุญาตต่อผู้อำนวยการทางหลวง เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะทำได้ แต่ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนถ้าได้มีการสร้างหรือขยายทางหลวง
ค. เพื่อประโยชน์แก่งานทาง รัฐมนตรีมีอำนาจที่จะสงวนที่ดินของรัฐซึ่งมิได้มีบุคคลเข้าครอบครองโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
35. ในกรณีที่มีการขออนุญาตจับจองที่ดินริมทางหลวง ให้ผู้มีอำนาจอนุญาตสั่งเว้นช่องทางไว้ให้เป็นมุมฉากกับแนวทางหลวงโดยมีขนาดกว้างเท่าใด
ก. 10 เมตร ค. 30 เมตร
ข. 20 เมตร ง. 40 เมตร
ตอบ ข.20 เมตร
36. จากข้อ 35 ช่องทางที่ว่านี้ให้มีระยะห่างกันไม่น้อยกว่ากี่เมตร
ก. 200 เมตร ค. 400 เมตร
ข. 300 เมตร ง. 500 เมตร
ตอบ ง. 500 เมตร
37. จากข้อ 36 เมื่อได้มีคำสั่งให้ผู้ใดเว้นช่องทางผู้นั้นจะต้องจัดให้มีหลักเขตปักแสดงให้เห็นเขตทางที่เว้นไว้โดยระยะห่างกันไม่เกินเท่าใด
ก. 50 เมตรต่อหลักหนึ่ง ค. 150 เมตรต่อหลักหนึ่ง
ข. 100 เมตรต่อหลักหนึ่ง ง. 200 เมตรต่อหลักหนึ่ง
ตอบ ข.100 เมตรต่อหลักหนึ่ง
38. จากข้อ 37 ภายในกำหนดเวลาไม่เกินเท่าใด นับแต่วันที่ผู้นั้นได้รับคำสั่ง ให้
ก. 14 วัน ค. 60 วัน
ข. 30 วัน ง. 90 วัน
ตอบ ข. 30 วัน
39. ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือหนังสือแจ้งของผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวง หรือเจ้าพนักงานซึ่งผู้อำนวยการทางหลวงแต่งตั้งให้ควบคุมทางหลวง หรือเจ้าพนักงานทางหลวง ต้องระวางโทษอย่างไร
ก. ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ตอบ ค.จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
40. พระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้มีการแก้ไขมาตราใดใน พระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535
ก. มาตรา 30 ค. มาตรา 32
ข. มาตรา 31 ง. มาตรา 33
ตอบ ข.มาตรา 31
มาตรา ๓๑ ทางหลวงเทศบาล และทางหลวงชนบทที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษาก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นทางหลวงท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยทางหลวงได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานบทบัญญัติต่างๆ ที่ใช้ในการควบคุมดูแลรักษาทางหลวงยังไม่เหมาะสม และมาตรการสำหรับดำเนินการกับผู้ฝ่าฝืนยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร และปรากฏว่าได้มีการใช้ยานพาหนะที่มีน้ำหนักบรรทุกเกินกว่าที่กำหนดบนทางหลวง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวง และความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนทางหลวง นอกจากนั้น ยังปรากฏว่ามีการใช้ทางหลวงเพื่อการชุมนุมประท้วงยื่นข้อเรียกร้องจากทางราชการและโดยที่ได้มีการยกฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาลตามกฎหมายว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงฐานะของสุขาภิบาลเป็นเทศบาลแล้ว สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยทางหลวงเสียใหม่เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ยกเลิกบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสุขาภิบาล และกำหนดให้ผู้อำนวยการทางหลวงหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการทางหลวงมีอำนาจเปรียบเทียบปรับสำหรับความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียวได้รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
41. ผู้รับสนองพระบรมราชโองการในพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 คือใคร
ก. นายอานันท์ ปันยารชุน ค. พลเอก สุจินดา คราประยูร
ข. มีชัย ฤชุพันธุ์ ง. พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ
ตอบ ก. นายอานันท์ ปันยารชุน